เงินสดและเครื่องประดับ
เงินสดและเครื่องประดับ
ARTICLES

จิวเวลรี่บางชิ้น ราคาขึ้นทุกปี แล้วคุณหล่ะ มีแล้วหรือยัง

จิวเวลรี่บางชิ้น ราคาขึ้นทุกปี
แล้วคุณหล่ะ มีแล้วหรือยัง

จิวเวลรี่ไม่ใช่แค่ของสวยงามสำหรับใส่ออกงานหรือเก็บไว้ในกล่องเท่านั้นนะคะ สำหรับใครหลายๆคน มันคือ “สินทรัพย์” ที่มีมูลค่าในตัวเอง และบางชิ้น…ยิ่งเก็บไว้นานก็ยิ่งมีราคาสูงขึ้น แต่ก็ใช่ว่าทุกชิ้นในอนาคตจะมีแนวโน้มทางการเงินที่ดีเหมือนกัน บทความนี้เราจะพามาดูกันว่า “จิวเวลรี่แบบไหน” ที่น่าจับตามองในแง่ของการลงทุนระยะยาวกันค่ะ

1. จิวเวลรี่ที่ใช้เพชรคุณภาพสูง (High Quality Diamond – 3EX / FL / D-F Color)

เพชรที่ได้ใบเซอร์จากสถาบันที่น่าเชื่อถืออย่าง GIA และมีเกรดสูงสุดในด้านของความสะอาด สี และการเจียระไน โดยปกติมักมีราคาที่สูงอยู่แล้ว และเมื่อเวลาผ่านไป ราคาของเพชรเกรดนี้มีแนวโน้มขยับขึ้นเพราะหาได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเพชรสี D น้ำ 100 ที่ไม่มีตำหนิ และตัดเกรด Excellent ทั้งสามด้าน (Triple EX)

2. จิวเวลรี่จากแบรนด์ดังระดับโลก (Branded Fine Jewelry)

ถ้ากระเป๋า คือ Chanel Gucci และ Hermes แล้วล่ะก็ จิวเวลรี่ก็ต้องเป็น Cartier Bvlgari หรือ Tiffany & Co. ค่ะ จิวเวลรี่จากแบรนด์เหล่านี้มีความต้องการสูงในตลาดโลกอยู่ตลอด และราคาขายต่อมักไม่ตก โดยเฉพาะรุ่น Limited หรือรุ่นที่ผลิตมาในช่วงโอกาสพิเศษ

3. เพชรแฟนซี (Fancy Color Diamonds)

เพชรสีธรรมชาติอย่าง สีชมพู สีฟ้า สีเหลืองเข้ม จะมีจำนวนจำกัดในธรรมชาติ โดยเฉพาะเพชรจากเหมืองหายาก เช่น Argyle (ซึ่งปิดไปแล้ว) ราคาจึงมีแนวโน้มพุ่งสูงในอนาคต ถ้าได้ครอบครองไว้ ถือว่าคุ้มทั้งใส่และเก็บไปเลยล่ะค่ะ

4. จิวเวลรี่ดีไซน์วินเทจหรือจากยุคสมัยเฉพาะ (Vintage or Antique Jewelry)

ของเก่าที่มีเรื่องราว มีความประณีตแบบหาไม่ได้แล้วในยุคนี้ เริ่มมีคนสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะงานยุค Art Deco หรือ Edwardian ราคามักปรับขึ้นตามความหายาก

5. พลอยธรรมชาติขนาดใหญ่ (Rare Natural Gemstones)

เช่น แซฟไฟร์พม่า รูบี้พม่า หรือมรกตโคลอมเบีย ที่ไม่ผ่านการปรับแต่ง (No Heat / No Treatment) หากได้พลอยคุณภาพสูง น้ำหนักเยอะ และมีใบรับรอง ตามสถิติแล้วราคามีแนวโน้มขึ้นทุกปีเช่นกันค่ะ

6. จิวเวลรี่ที่ใช้ทองทำ โดยเฉพาะทอง 18K งานดีไซน์คุณภาพ

อย่างที่ทุกท่านทราบ ทองคำถือเป็นโลหะมีค่าที่ได้รับความนิยมมาตลอดทุกยุคสมัย โดยเฉพาะ “ทอง 18K” ซึ่งมีความบริสุทธิ์ประมาณ 75% เป็นระดับที่สมดุลระหว่าง “ความทนทาน” และ “ความสวยงามของเนื้อทอง” ทำให้เหมาะกับการขึ้นงานจิวเวลรี่ที่ใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน

จิวเวลรี่ทอง 18K ที่มีดีไซน์คลาสสิกหรือร่วมสมัย และผลิตโดยช่างฝีมือดี มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าทั้งจาก ราคาทองคำที่ขึ้นตามเศรษฐกิจโลก และจากความหายากของงานฝีมือหรือดีไซน์ที่ไม่ผลิตซ้ำ

เคล็ดลับเล็ก ๆ : หากเลือกจิวเวลรี่ทอง 18K ควรตรวจสอบความบริสุทธิ์ (มีสลักเลข 750) และเลือกงานที่มีโครงสร้างแน่น น้ำหนักพอสมควร เพื่อให้มีทั้งความงามและคุณค่าระยะยาวค่ะ

…การใส่ใจในคุณภาพ ความหายาก และที่มา จะช่วยให้คุณเลือกจิวเวลรี่ที่มีมูลค่าเพิ่มในอนาคตได้ไม่ยากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพชร พลอย หรือจิวเวลรี่ทองคำ 18K ที่ดีไซน์สวยและมีมาตรฐาน ล้วนเป็นการลงทุนที่ “ใส่แล้วมีความสุข เก็บไว้ก็มีมูลค่า” ค่ะ พบกันใหม่ครั้งหน้านะคะ สวัสดีค่า