ถือเพชร
ARTICLES

จากความงามสู่อาถรรพ์ ที่เหล่านักสะสมปรารถนา (Ep.2)

จากความงามสู่อาถรรพ์
ที่เหล่านักสะสมปรารถนา (Ep.2)

กลับมาแล้วค่ะ กับ Ep.2 ของจากความงามสู่อาถรรพ์ ที่เหล่านักสะสมปรารถนา อย่างที่ทุกท่านทราบกันใน Ep.1 เหล่าบรรดาเครื่องประดับและอัญมณีเพชรที่มีชื่อเสียงในโลก ไม่ว่าจะเป็นเพชร โฮป (Hope Diamond) หรือ เพชรแบล็คออร์ลอฟ ( Black Orlov Diamond ) ล้วนแล้วแต่พ่วงมากับเรื่องราวของโศกนาฏกรรม คำสาป และการช่วงชิง นำมาสู่การเปลี่ยนมือผู้ถือครองครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเรื่องราวที่จะเล่าสู่กันฟังในวันนี้ก็เช่นกันค่ะ เราได้นำเรื่องราวของเพชรต้องสาปอีก 3 เม็ดมาฝากทุกท่านกันอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปอ่านกันได้เลย!

ถือเพชร

1. เพชรแห่งราชินีมาลบอโรห์ ( Regent Diamond )

Regent Diamond เพชรน้ำงามที่มีน้ำหนักสูงถึงราว 410 กะรัต ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1698 จากเหมืองในประเทศอินเดีย ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะถูกลักลอบขโมยออกมาโดยแรงงานทาสคนหนึ่งที่ต้องการจะมุ่งหน้าเดินทางสู่ยุโรป ด้วยการนั้นจึงขายเพชรเม็ดนี้ให้กับกัปตันเรือโดยสาร แต่ทว่าในท้ายที่สุดกัปตันเรือคนนั้นก็กลับคำ นอกจากจะไม่ให้เงินตามที่ได้ตกลงกันไว้ ยังทำการฆาตกรรมชายคนนั้นอีกด้วย ต่อมาไม่นานกัปตันเรือก็ได้ขายเพชรเม็ดนี้ให้กับพ่อค้าชาวอินเดียก่อนที่จะถูกพบเป็นศพในสภาพที่ถูกแขวนคอ เวลาผ่านไป จนเพชรเม็ดนี้ได้ตกมาอยู่ในมือของ Thomas Pitt ชาวอังกฤษผู้ปกครองเมืองมัทราส ( Madras ) หรือเมืองเจนไน ( Chennai ) ในปัจจุบัน ก่อนจะถูกส่งมายังอังกฤษเพื่อรับการขัดเกลาให้งดงาม มันถูกเจียระไนให้เป็นรูปทรงที่เรียกว่า Cushion Brilliant Cut โดยช่างชาวอังกฤษ ทำให้น้ำหนักภายหลังจากการเจียระไนอยู่ที่ราว 141 กะรัต ต่อมาพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้นำเพชร Regent มาทำเป็นเครื่องประดับของมงกุฎ รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของมงกุฎของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ด้วย ก่อนที่เพชรจะหายไปในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบัน Regent Diamond ได้ถูกค้นพบอีกครั้งและได้ถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

Tavernier Blue Diamond

2. เพชรเทฟต์หรือทาเวอร์เนียร์ บลู ( Tavernier Blue Diamond )

เพชรเทฟต์เป็นเพชรที่มีชื่อเสียงและเชื่อว่าเป็น “เพชรต้องสาป” โดยมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับการสูญหายและความโชคร้ายของผู้ครอบครองหลายราย มันถูกค้นพบในเหมืองของประเทศอินเดียในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ในภูมิภาค Golconda ซึ่งเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตเพชรคุณภาพสูง โดยเฉพาะเพชรที่มีสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน มันมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 115.16 กะรัต และมีสีฟ้าเข้มที่หาได้ยาก นับว่ามีคุณค่าที่สูงมากในวงการอัญมณี ชื่อของมันได้รับมาจากนักเดินทางและพ่อค้าเพชรชาวฝรั่งเศส Jean-Baptiste Tavernier ซึ่งเป็นผู้ที่ได้นำเพชรนี้กลับไปฝรั่งเศสในปี 1668 จากนั้นมันถูกนำไปประดับไว้ที่มงกุฎและเครื่องประดับต่างๆ ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เพชรนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงและได้รับความชื่นชมจากราชสำนักฝรั่งเศสมากมาย แต่ในทางตรงกันข้าม ตั้งแต่ที่มันถูกค้นพบ ผู้ที่ครอบครองมันจะต้องเผชิญกับโชคร้ายหรือแม้กระทั่งการตายที่โหดร้าย โดยมีกรณีอย่างพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และต่อมาคือ พระนางมารี อ็องตัวแน็ต ที่ตกอยู่ในภาวะที่ทุกข์ทรมาน และถูกประหารในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ทำให้เพชรเทฟต์ถูกมองว่าเป็นเพชรต้องสาป ในปัจจุบันเพชรเทฟต์ถูกเชื่อว่าหายไปตลอดกาล แต่ก็มีเรื่องเล่าหลายเรื่องที่ทำให้บางคนเชื่อว่ามันอาจจะถูกเก็บซ่อนไว้หรือมีการนำไปขายในตลาดมืด จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าเพชรนี้มีอยู่หรือไม่

จบแล้วค่ะกับซีรี่ส์เพชรต้องสาป เหล่าเพชรที่ถูกกล่าวขานว่าต้องคำสาปไม่เพียงแต่มีมูลค่าสูงและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ยังเป็นที่มาของตำนานและเรื่องเล่าที่ลึกลับ แม้คำสาปเหล่านี้อาจเป็นเพียงเรื่องเล่าหรือความเชื่อส่วนบุคคล แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เพชรเหล่านี้มีความน่าหลงใหลและเป็นที่น่าจดจำจนถึงทุกวันนี้ค่ะ